การดูแลลมยางรถยนต์
- ทำไมต้องดูแลลมยาง?
- ลมยางมีผลต่อ การควบคุมรถ, ระยะเบรก, การยึดเกาะถนน
- ลมยางที่เหมาะสมช่วยให้รถ ประหยัดน้ำมัน และยืดอายุยาง
- ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไปอาจทำให้เกิด อุบัติเหตุ, ยางระเบิด, หรือ ยางสึกผิดปกติ
- ลมยางควรเติมเท่าไหร่?
- ค่าลมยาง ควรอ้างอิงจากผู้ผลิตรถยนต์ (ระบุไว้ในคู่มือรถ หรือบริเวณประตูด้านคนขับ)
- หน่วยวัดความดันที่ใช้ในไทย:
- psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) — หน่วยที่ใช้ทั่วไป
- ค่าเฉลี่ยลมยางของรถเก๋งทั่วไป: 30-35 psi
- รถ SUV หรือกระบะ: 35-45 psi
- วิธีเช็กลมยางที่ถูกต้อง
- เช็คตอนเช้า หรือเมื่อยางยังเย็น (เพราะความร้อนทำให้ลมขยายตัว)
- ใช้ เกจวัดลมยาง ที่มีความแม่นยำ
- ตรวจสอบทั้ง 4 ล้อ และล้ออะไหล่
- ควรเช็กลมยางอย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง
- อันตรายจากลมยางไม่เหมาะสม
สภาพลมยาง |
ผลที่เกิดขึ้น |
ลมยางต่ำเกินไป (อ่อน) |
ยางบวม, บริเวณไหล่ยางสึกเร็ว, รถกินน้ำมัน, เสี่ยงยางระเบิด |
ลมยางสูงเกินไป (แข็ง) |
ดอกยางกลางสึกก่อน, ขับแล้วกระเด้ง, ควบคุมรถยากบนถนนเปียก |
ลมไม่เท่ากันซ้าย-ขวา |
รถเบี้ยวข้าง, ยางสึกไม่เท่ากัน, เกิดการสั่นไหว |
- การหมุนสลับยางและล้ออะไหล่
- ล้อหน้า-หลังรับน้ำหนักต่างกัน ทำให้สึกไม่เท่ากัน
- ควร สลับยางทุก 10,000 กม. หรือทุก 6 เดือน
- อย่าลืม เติมลมล้ออะไหล่ ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา
- ลมไนโตรเจน vs ลมธรรมดา
ประเภทลม |
ข้อดี |
ข้อจำกัด |
ลมธรรมดา (อากาศ) |
เติมได้ง่ายทั่วไป |
มีไอน้ำ ทำให้แรงดันเปลี่ยนเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน |
ลมไนโตรเจน |
ความดันคงที่, ยางเย็น, ยืดอายุยาง |
เติมยาก ต้องไปศูนย์บริการ และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า |
- เคล็ดลับการดูแลลมยาง
- เติมลมเผื่อเวลาเดินทางไกล หรือบรรทุกหนักเพิ่มประมาณ 2-3 psi
- ใช้จุกปิดลมทุกล้อ ป้องกันฝุ่นและน้ำเข้า
- หากติดตั้ง ระบบ TPMS (Tire Pressure Monitoring System) จะช่วยเตือนเมื่อความดันยางผิดปกติ
สรุปคำแนะนำ
- ตรวจลมยาง เดือนละ 1 ครั้ง
- เติมลมตามที่ระบุในสติ๊กเกอร์ข้างประตู
- ใช้ เกจวัดลมแบบดิจิทัล เพื่อความแม่นยำ
- อย่าลืม ล้ออะไหล่ก็ต้องตรวจลมเช่นกัน